มีคนให้ความเห็นแย้งเกี่ยวก
>> : หากเช่นนั้น …พ่อค้าก็คงจะให้เหตุผลว่
ฉันเองก็ไม่บาป ด้วยฉันจะฆ่ามาขาย หรือไม่ฆ่ามาขาย
ถึงอย่างไรเขาก็จะต้องตายอย
และหากพ่อค้าให้เหตุผลว่
คนไม่อยากกินเนื้อเขาก็ไม่เ
เพราะหากไม่มีคนซื้อเนื้อมา
หากผู้ค้าให้เหตุผลอย่า
ฉะนั้น การซื้อเนื้อสัตว์จึงมีส่วน
อุปมา เหมือนคนดูคนจะฆ่ากัน แต่เขาขาดอาวุธ แล้วเขาเดินมาขออาวุธจากเธอ
<< พระอาจารย์ : พูดอย่างนี้ เรียกว่าพูดเหมารวม เอาความคิดตนเองเข้าไปยัดเย
ท่าน.. ผู้ที่มีดวงจิตโพธิญาณ ย่อมมีใจเบ่งบานไร้ขอบเขต แหม่ม..ชื่อยาวชิ๊บหาย
เรียกว่าพูดตามความนึกคิดขอ
นี้เป็นความคิดแห่งตัวตน ที่คิดเอาเองแทนคนทั้งหลาย
เรื่องพ่อค้านี่ มันเป็นสิทธิ์ของเขาที่จะฆ่
เขาทำไปตามปัญญาของเขาเท่าท
พุทธศาสนานี้ ชี้ให้มารักษาใจตนเอง
ไม่ได้ชี้ให้ไปเสือกกับเรื่
วิบากกรรมใครทำใครได้
พุทธศาสนานี้ชี้ให้เห็นเหตุ
เราไม่กินเนื้อเพราะทิฏฐิคว
เราจะกินไม่กิน มันก็มีผู้ฆ่า เพื่อหล่อเลี้ยงชีวิตของเขา
จะกินเขาก็ฆ่าขายตามปกติ เราไม่กินเขาก็ฆ่าขายตามปกต
หากทั้งโลกเขาไม่ฆ่า ผู้มีปัญญามีศีล มันก็ไม่ฆ่ามากินกันหรอก
เราจะเอาความคิดของเราแทนคว
บาปไม่บาปมันอยู่ที่เรากระท
เอาแค่ใจของเราเหอะ ว่า ไม่ฆ่า ไม่เบียดเบียน ไม่เป็นใจในการฆ่า
เมื่อสัตว์มันตายเป็นซากไปแ
ให้มันพอมีชีวิตอยู่รอดไปได
สัตว์ที่มันตายวางอยู่ตรงหน
เดินเจอไก่ตาย เอามากินบาปไหม ใครมันฆ่าก็ไม่รู้ ถ้าเอามากินแบ้วเป็นบาป มันก็บ้าแล้ว ศาสนานี้
ไอ้คนเอามาขาย มันก็เรื่องของมันขาย มันจะฆ่าหรือไม่ฆ่าก็มี
ส่วนเจ้าคนฆ่า มันเป็นอาชีพที่เขาเลือก เราไปตกนรกกับเขารึเปล่า คิดให้มันฉลาดหน่อยพ่อคนดีช
พระโพธิสัตว์น่ะ ท่านไม่ฆ่า ไม่สั่งฆ่า ไม่รู้เห็นเป็นใจในการฆ่า นี่ ปัญญาท่านมีอย่างนี้
ส่วนพระโพธิสัตว์ที่ยังโง่ๆ
ก็มักเข้าใจว่า การกินเนื้อสัตว์เข้าไปนี่ม
ควายที่นี่ฝูงใหญ่ มันกินแต่หญ้า ไม่กินเนื้อไม่ได้ฆ่าใคร ตายไปมันก็กลับมาเป็นควายอย
พระเทวทัตก็ไม่กินเนื้อ ถึงกับบอกให้พระพุทธองค์ประ
เทวทัตผู้ไม่กินเนื้อตลอดชี
ไม่กินเนื้อ แต่ความโลภ โกรธ หลง ยังมีอยู่เต็มหัวใจ มันก็ไอ้นรกดีๆคนหนึ่งที่ใจ
>> : เหตุฉไหน ภิกษุอาภาท.
พุทธบัญญัติ จึงห้ามไว้ให้ภิกษุ ขอรับได้เพียง น้ำต้มเนื้อ แต่มิทรงให้รับเนื้อต้ม?
เหตุฉไหน เมื่อมีผู้นิมนต์ภิกษุ
โดยกล่าวว่าจะพรากชีวิตสัตว
เหตุฉไหน พุทธบัญญัติจึงกล่าวว่า ห้ามภิกษุเป็นผู้ปรุงอาหาร ห้ามพรากพืชคาม ?
เหตุฉไหน พุทธองค์ทรงกล่าวว่า กรรมนั้นเกิด๓ทาง คือ กายกรรม วจีกรรม มโนกรรม?
พุทธบัญญัตินี้คือบัญญัต
<< พระอาจารย์ : ไอ้เจ้านี่มันบ้าตำรา ข้านี่ยังไม่รู้จุดประสงค์ข
หากเอาตามที่มันยกมานั้น มันเป็นบทที่ชี้ให้เห็นการพ
เรานี้ไม่ควรทำ เพราะมันจะเป็นบาปแก่ใจเรา นี่มันก็อย่างหนึ่ง
แต่เมื่อซากที่ไม่ได้เกิดจา
อย่าได้เอามารวมกัน เอามารวมกันเมื่อไหร่ก็อวดโ
พุทธศาสนานี่ชี้ให้เห็นความ
เป็นพระเมื่อมีผู้ถวายมา ท่านก็รับไปตามเหตุปัจจัย แม้จะเป็นชิ้นเนื้อ มันจะบาปตรงไหน
ท่านไม่ได้ฆ่า ไม่ได้สั่งฆ่า ไม่มีเจตนารู้เห็นเป็นใจในก
ส่วนผู้ไม่บวช การซื้อหาซาก ที่สำเร็จมาแล้ว เพื่อนำมายังชีพของครอบครัว
โดยไม่ได้ฆ่า ไม่สั่งฆ่า ไม่เจตนารู้เห็นเป็นใจในการ
เพราะบุรุษผู้ฆ่า เพื่อยังชีพมีอยู่บนโลกเป็น
พุทธศาสนาชี้ให้เห็นความเป็
เราไม่แดก ก็อย่าไปเสือกเรื่องของเขา เขาทั้งหลายบนโลกเจาแดกเนื้
คนที่เขาเข้าใจและอยู่กับสม
ถ้าพระพุทธองค์ห้ามกินเนื้อ
ที่ยกเอาตำรามากางให้ดูตามท
ท่านชี้ไปที่เหตุของผู้ที่ม
เราจึงไม่ควรฆ่าและพรากชีวิ
ไม่ใช่บอกไม่ให้เราห้ามกินเ
ภิกษุผู้อาพาธ ที่ให้กินแต่น้ำต้ม เพราะเนื้อมันย่อยยาก เนื้อบางอย่างกินแล้วมีพิษต
เหตุที่ภิกษุรู้ว่า เขาจะฆ่าเนื้อมาถวายแล้วยัง
ส่วนที่ยกข้ออ้างมาที่เหลือ
คนเรามันอาศัยเหตุปัจจัยดัว
ชี้ขนาดนี้แล้ว ใจยังไม่ลงนี่ ก็โง่และโต่งหลายแล้ว
ถ้าเราเห็นว่า การกินเนื้อนี้เป็นบาป เราก็ไม่ต้องไปกินมันซิ
หากคนอื่นกินแล้วบาปตามความ
เขาตกนรก เราตกไปกับเขารึไง
เราอย่าไปเสือกเรื่องของใคร
เราเป็นผู้ไม่ระยำ เป็นผู้พ้นแล้วจากความอัปปร
ความคิดเห็นของใจเรา มันแค่ถูกเราแต่คนอื่นผิดแล
ทางที่ดี อย่าไปเสือกกับใครเขาเลย
เราแปลความหมายของเราอย่างไ
ไม่ใช่ไปยกตำรามาวางไว้อย่า
แต่ก็ยังดึงดันว่า กูรู้ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
พระธรรมเทศนา จากบทธรรม เรื่อง ” ซื้อเนื้อกินเป็นการส่งเสริ